รุกขกรรม
  • หน้าแรก
  • อบรม
    • การจัดอบรมภายในองค์กร
    • กิจกรรมสำหรับนักศึกษา
  • หารุกขกร
    • หมอต้นไม้
    • ผู้ให้บริการงานดูแลต้นไม้ใหญ่
    • Tree Care Service Provider
  • หาอุปกรณ์
  • บทความ
    • การบำรุงรักษาต้นไม้
    • เทคนิคการทำงานรุกขกร
  • ซอฟแวร์
  • หน้าแรก
  • อบรม
    • การจัดอบรมภายในองค์กร
    • กิจกรรมสำหรับนักศึกษา
  • หารุกขกร
    • หมอต้นไม้
    • ผู้ให้บริการงานดูแลต้นไม้ใหญ่
    • Tree Care Service Provider
  • หาอุปกรณ์
  • บทความ
    • การบำรุงรักษาต้นไม้
    • เทคนิคการทำงานรุกขกร
  • ซอฟแวร์
หาเครื่องมือ คลิกที่นี่

Softscape ดูแลอย่างไร? ให้สะดวก ประหยัดงบประมาณ

12/10/2017

Comments

 
Picture
Image Source : www.fowler.ca
Softscape หรือ ภูมิทัศน์ดาดอ่อนประเภทพืชพรรณ ควรดูแลรักษาอย่างไรให้มีความสะดวกในการปฏิบัติงาน ทั้งในเรื่องของเครื่องมือ  อุปกรณ์ แรงงาน และระยะเวลา
​

​คัดลอกจาก เอกสารประกอบการอบรม การดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่ในงานภูมิทัศน์โรงแรม จ.ภูเก็ต วันที่ 15-16 ธันวาคม 2560 โดย อ.บรรจง สมบูรณ์ชัย ​คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม  มหาวิทยาลัยแม่โจ้   คลิกดูหัวข้ออื่นๆได้ที่นี่
สำหรับต้นไม้ในสวน มีหลายประเภท ได้แก่ ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้คลุมดิน ไม้เลื้อย ไม้น้ำ วิธีการในการปฏิบัติดูแลอาจแตกต่างไปบ้าง แต่การดูแลเรื่องหลัก ๆ จะเหมือนกัน ประการสำคัญต้นไม้ทุกต้นทุกกลุ่มในสวนต้องการการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคงความงามสมบูรณ์ของรูปแบบสวน เพราะรูปลักษณ์ของต้นไม้ทุกต้นทุกกลุ่มล้วนมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อรูปแบบสวน รูปแบบสวนที่สวยงามจะเปลี่ยนไปทันทีถ้ารูปทรงของต้นไม้ในสวนเปลี่ยนไป ความยากง่ายในการดูแลรักษาต้นไม้ภายในสวนขึ้นอยู่กับการกำหนดกลุ่มต้นไม้ลงพื้นที่ ตั้งแต่เริ่มการออกแบบ หากในตอนนั้นได้คำนึงไว้ล่วงหน้าเผื่อการดูแลรักษา
​​​ติดตามบทความ / การอบรม เกี่ยวกับ ต้นไม้ใหญ่ในงานก่อสร้างและภูมิทัศน์ ได้ที่  ไลน์ @th-arbor ​หรือคลิกปุ่ม Add Friends ด้านล่าง
เพิ่มเพื่อน

การกำจัดวัชพืช

หลังจากจัดสวนเสร็จไปแล้ว การป้องกันและกำจัดวัชพืชก็จัดเป็นงานหลักและจะต้องลงมือทันทีเมื่อพบเห็นทั้งในสนามหญ้าและในกลุ่มพืชพรรณอื่น ๆ ส่วนจะกำจัดด้วยวิธีใดก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม

การกำจัดวัชพืชให้แก่ต้นไม้ในสวนนั้นจะกำหนดด้วยการสับแนวขอบของกลุ่มไม้ หรือโคนต้นไม้ ให้ห่างออกมา  5 – 6 นิ้ว ตามรูปร่างของกลุ่มหรือต้นไม้ จากนั้นจึงพรวนดินพร้อมกับขุดถอนวัชพืชออก การสับแนวกำหนดขอบเขตนี้จะสับให้ลึกลงไปจากผิวดินในสนามประมาณ 1 – 2  นิ้ว เพื่อยับยั้งไม่ให้หญ้าสนามรุกเลื้อยเข้าไปเร็วเกินสมควร

วัชพืชที่สำคัญที่มักพบในส่วนและกำจัดยากมีไม่กี่ชนิด  ซึ่งมักเป็นพวกที่แข็งแรง รากลึก ถ้าใช้มือถอนบางทีย่อมขาด ไม่ยอมขึ้น หมายถึงลำต้นขาดแต่รากเหง้ายังฝังอยู่ในดินซึ่งถ้ามีการวางแผนป้องกันและเตรียมดินที่ดีในตอนเริ่มต้นจัดสวน ปัญหาเรื่องนี้จะลดลงไปมาก วัชพืชที่ว่านี้ได้แก่ หญ้าต่าง ๆ เช่น หญ้าแห้วหมู  หญ้าชันกาด หญ้าตีนกา หญ้าขน ส่วนหญ้าคาแม้จะปราบยากแต่ก็ไม่ค่อยพบ  นอกจากนี้ยังมีวัชพืชพวกผักโขม หนามที่มีรากลึกมาก ถ้าปล่อยให้ต้นสูงสัก  1  ฟุต  แล้วถอนไม่ขึ้นเลย ไมยราบ บานไม่รู้โรยป่า น้ำนมราชสีห์ พวกนี้โตเร็วและกำจัดยาก
​
การป้องกันกำจัดวัชพืชที่ดีที่สุด  คือ  การให้เวลากับสวนด้วยการเดินตรวจดู เมื่อพบเห็นควรรีบกำจัดทันที เครื่องมือที่ต้องใช้ในการขุดถอน ได้แก่ เหล็กปากแบนแหลม หรือเสียมปากเล็ก

การพรวนดินและใส่ปุ๋ย

โดยปกติจะปฏิบัติ  2  เดือนต่อครั้ง  การพรวนจะพรวนเพียงตื้น ๆ  2 - 3 นิ้ว ก็พอและจะไม่พรวนจนร่วนละเอียดเกินไป  ไม่คลุมดินที่มีรากตื้นก็ต้องพรวนด้วยความระมัดระวัง หลังจากพรวนก็จะให้ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น สูตร 15 – 15 – 15  การใส่จะใส่เพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่มโดด ๆ ให้ต้นละ 1 – 2  ช้อนโต๊ะ หากเป็นกลุ่มก็เพิ่มมากขึ้น โดยใส่ให้ทั่วถึงต้นภายในกลุ่มด้วยเมื่อใส่ปุ๋ยเคมีแล้วก็ควรหว่านทับด้วยปุ๋ยอินทรีย์ หากเป็นไม้คลุมดินอย่าให้เม็ดปุ๋ยหรือเศษปุ๋ยค้างอยู่ตามใบและซอกใบ

​สำหรับเฟิร์นจะไม่ใส่ปุ๋ยเคมี   ใช้แต่ปุ๋ยอินทรีย์อย่างเดียวก็พอ  ทุกครั้งที่ใส่ปุ๋ยต้องรดน้ำตามทันที ใช้น้ำฉีดพ่นชะล้างเศษปุ๋ยที่ตกค้างตามส่วนต่าง ๆ  ของพืชออกให้หมด

การให้น้ำ

หากในช่วงที่ไม่ได้พรวนดิน ใส่ปุ๋ย การให้น้ำแก่ต้นไม้ในสวนจะให้พร้อมกับสนามหญ้า เนื่องจากต้นไม้มีระบบลากที่ลึกและแผ่กว้างกว่าหญ้าสนาม หากว่าให้น้ำตอนแดดจัด ควรรดตอนเช้าหรือตอนเย็น และควรรดให้ทั่วพุ่มใบด้วย เป็นการชะล้างฝุ่นและสิ่งสกปรกตามใบพืชไม่ปล่อยให้ต้นไม้แสดงอาการเหี่ยวเฉาออกมาแล้วจึงค่อยรดน้ำ จะทำให้ต้นไม้อ่อนแอเป็นโรคได้ง่าย

​ในหน้าแล้ง หากได้คลุมโคนต้นไม้ด้วยเศษวัสดุต่าง ๆ  เช่น หญ้าแห้ง ฟาง ช่วยทำให้ต้นไม้ไม่ขาดน้ำ และประหยัดปริมาณน้ำที่ให้แก่ต้นไม้ด้วย
​​​ติดตามบทความ / การอบรม เกี่ยวกับ ต้นไม้ใหญ่ในงานก่อสร้างและภูมิทัศน์ ได้ที่  ไลน์ @th-arbor ​หรือคลิกปุ่ม Add Friends ด้านล่าง
เพิ่มเพื่อน

การป้องกันกำจัดโรคและแมลง

หากต้นไม้ได้รับการดูแลรักษาให้เจริญเติบโตดี มีความเข็มแข็งสมบูรณ์ก็เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการป้องกันโรคและแมลง  ช่วงเวลาที่ต้นไม้มักเกิดโรคระบาด แมลงทำลาย จะเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูกาล โดยเฉพาะจากฤดูฝนเข้าฤดูแล้ง หรือฤดูหนาว จึงควรระวังป้องกันแต่เนิ่น ๆ 

สาเหตุของการเกิดโรคอีกประการหนึ่งคือ การขาดการดูแลรักษาที่ถูกวิธี เช่น การให้น้ำกับพืชบางชนิดมากเกินไปก็จะเกิดโรคเน่า การไม่กำจัดวัชพืช หรือไม่เก็บกวาดเศษของพืชออกจากสวน ปล่อยให้เป็นที่สะสมของโรคและแมลง

การป้องกันกำจัดนั้น  หากพบเห็นแม้เพียงเล็กน้อยก็รีบทำลายเสีย  ด้วยการตัดทิ้งในส่วนที่เป็นโรค แต่ถ้าระบาดมากก็จำเป็นต้องใช้สารเคมีช่วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบเพื่อการป้องกันโรคและแมลงที่จะเกิดกับพืชพรรณในสวน

หลักการป้องกันกำจัด
  •  บำรุงรักษาให้พืชพรรณในสวนสมบูรณ์แข็งแรง เพราะเป็นภูมิต้านทานเบื้องต้น
  •  กำจัดวัชพืช เก็บกวาดเศษใบไม้ใบหญ้าให้สวนดูสะอาด
  •  กำจัดมด เพราะมดเป็นพาหะของโรคและแมลงหลายชนิด โดยเฉพาะเพลี้ย
  •  ตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มโปร่ง  โดยเฉพาะกิ่งที่อยู่ในทรงพุ่ม
  •  ใช้ยาดูดซึมทางราก เช่น  ฟูราดาม  ใส่รอบ ๆ โคนต้นทุก ๆ 3 – 4  เดือน เช่นเดียวกับการใส่ปุ๋ย แต่ไม่ต้องรดน้ำตาม
  • ฉีดยาป้องกันเชื้อราและแมลงเป็นครั้งคราว เช่น  3  เดือนต่อครั้ง  หรืออาจบ่อยขึ้นถ้าเกิดการระบาดของโรคและแมลง  โดยใช้ยาเซฟวิ่น  85  (ยาฆ่าแมลง)  ผสมกับยาออร์โธไซด์ (ยาป้องกันเชื้อรา)  อัตราอย่างละ  2  ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ  20  ลิตร
  • ขณะที่มีโรคระบาดลงในสวนต้องงดให้ปุ๋ยทุกชนิด รดน้ำพอสมควร ตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง แล้วฉีดพ่นยาตามความจำเป็น  และการฉีดพ่นยาต้องปฏิบัติตามคำแนะนำในฉลากอย่างเคร่งครัด   คำนึงถึงอันตรายที่มีต่อบุคคลและสัตว์เลี้ยง

การตัดแต่งพรรณไม้ในสวน

การตัดแต่งไม้คลุมดิน
​

ไม้คลุมดินที่นิยมปลูกในสวนหย่อมพอจะแบ่งได้ 2 ชนิด คือ ไม้คลุมดินที่เน้นการใช้ดอก เช่น ผกากรอง ฟ้าประดิษฐ์ หลิวไต้หวัน กระดุมทองเลื้อย แพรเซี่ยงไฮ้ หรือคุณนายตื่นสาย บานเช้า เข็มพิษณุโลก การตัดแต่งไม้คลุมดินชนิดนี้จะตัดแต่งเพื่อควบคุมรูปทรงขนาดขอบเขตให้เหมาะสมสวยงาม และที่สำคัญ หลังดอกโรยต้องตัดแต่งทุกครั้ง เพื่อสร้างยอดใหม่และ สร้างดอกใหม่
ไม้คลุมดินอีกชนิดหนึ่งที่ไม่เน้นการใช้ดอกแต่ใช้ลักษณะสีสันของใบเป็นสำคัญ เช่น แอหนัง บุษบาฮาวาย ดาดตะกั่ว ร่มเชียงใหม่ หลิวใบ ผักเป็ด เกล็ดแก้ว การตัดแต่งไม้คลุมชนิดนี้เพื่อควบคุมรูปทรง ขนาด และขอบเขตให้สวยงาม ไม้คลุมดินทั้งสองชนิดที่กล่าวมาเป็นไม้คลุมดินที่ตัดแต่งได้ จึงควรตัดแต่งให้เป็นรูปมน ๆ จะดูนุ่มนวลกว่ารูปสี่เหลี่ยม

มีไม้คลุมดินบางชนิดที่ตัดแต่งไม่ได้ เช่น เศรษฐีไซ่ง่อน กำแพงเงิน รางทาง ว่านสี่ทิศ การะเกดหนู เฟิร์น กาบหอยแครง ปริกหางกระรอก หากจะควบคุมบ้างก็ได้  แต่ถึงหรือตัดใบที่แห้งตายและกิ่งไม่สมบูรณ์ออก หรือสับแนวแยกต้นแยกกอไม่ให้รุกล้ำกลุ่มไม้อื่น
การตัดแต่งไม้พุ่ม
ไม้พุ่มจะถูกนำมาใช้จัดสวนมากไม้พุ่มบางชนิดก็ต้องตัดแต่งตามลักษณะเฉพาะของต้นไม้ เช่น ปรง สิบสองปันนา ตัดได้เฉพาะใบแห้งตาย หรือลิดใบเพื่อให้ลำต้นโปร่ง แต่ไม่สามารถตัดแต่งให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้                        

​ไม้พุ่มกอ  ก็ตัดแต่งได้บางส่วน  โดยการตัดใบหรือกาบใบ  หรือช่อดอกที่โรยแล้วออก  เพราะไม้พุ่มส่วนใหญ่มีเหง้าหรือลำต้นใต้ดิน  เช่น ปักษาสวรรค์  พวกเฮลิโคเนีย ขิงแดง  พลับพลึง  พุทธรักษา  ธรรมรักษา  กลุ่มไม้พวกนี้จะดึงเอาลำต้น หรือกาบใบแก่  ๆ  ออก  ตัดก้านช่อดอกที่โรยทิ้ง  เพื่อให้กอโปร่งจะลดการเกิดโรคและแมลง  ทั้งที่เป็นการสร้างต้น สร้างดอกใหม่ตลอดปี

ไม้พุ่มที่สามารถตัดแต่งควบคุมรูปทรงได้  ก็จะตัดเป็นรูปร่างต่าง ๆ หากจะแบ่งไม้พุ่มกลุ่มนี้ตามความสูงแล้ว  จะแบ่งได้  3  ระดับ คือ ไม้พุ่มเตี้ย  หรือตัดแต่งควบคุมให้เตี้ยได้  เช่น  เทียนทอง  บานบุรี  แคระ  เข็มญี่ปุ่น  ไม้พุ่มกลาง  เช่น  นีออนแก้ว  ประยงค์  ประทัดฟิลิปปินส์  โกสนหูปลาช่อน ชบา เข็มเศรษฐี ปัตตาเวีย ไม้พุ่มสูง เช่น โมก  ยี่โถ  หางนกยูงไทย เทียนหยดหรือช่อม่วง  ไม้พุ่มทั้ง  3  ระดับนี้สามารถตัดแต่งควบคุมให้มีรูปทรงต่าง ๆ ได้ เช่น รูปทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยม  ทรงสามเหลี่ยม  หรือรูปทรงประดิษฐ์อื่น ๆ

ไม้พุ่มที่สามารถตัดแต่งและควบคุมรูปทรงได้นั้นจะมีกิ่งก้านที่แตกออกจากลำต้นชิดดินหรือไม่ลำต้นก็จะเป็นกอหลายต้นที่แตกออกจากโคนต้นเดียวกัน  แต่กิ่งที่สมบูรณ์สร้างดอกสร้างใบที่สวยงามจะเป็นกิ่งใหม่  ส่วนกิ่งที่แก่นั้นใบจะห่างไม่ค่อยมีดอก  ส่วนใหญ่กิ่งแก่จะมีสีเปลือกที่คล้ำหรือเข้ม  เปลือกหนาแข็ง  กิ่งแกร็น  ก็ควรต้องคัดทิ้งไป

การตัดแต่งกิ่งหรือลำต้น  ต้องเข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับการเจริญของกิ่งหรือต้นพืชซึ่งส่วนที่เจริญออกไปเป็นกิ่งหรือตัดใหม่นั้นล้วนเกิดจากตาของพืช  ตาจะมีอยู่  2  ชนิด  คือ ตายอดจะอยู่ปลายกิ่ง  จะทำให้กิ่งหรือลำต้นเจริญยืดยาวออกไป  เป็นจุดเด่นเห็นง่าย  ส่วนตาอีกชนิดหนึ่งคือตาข้างจะอยู่ที่ข้างกิ่ง (ตรงข้อ)  จะเจริญออกทางข้างสร้างเป็นทรงพุ่มตาทั้ง  2  ชนิดนี้จะสร้างกิ่งใหม่  และเจริญออกไปทุกปี  ในการตัดแต่งนั้นหากตัดตายอดออกไปพืชจะแตกกิ่งข้างมากขึ้น  แต่ถ้าตัดกิ่งข้างหรือตาข้างออก  พืชจะสูงยาวมากขึ้น
​
ไม้พุ่มบางชนิดก็พอจะกำหนดขนาดของทรงพุ่มได้บ้าง แต่ควบคุมความสูงไม่ได้   ซึ่งได้แก่ พวกปาล์มต่าง ๆ เช่น หมากเหลือง หมากแดง หมากเขียว จั๋ง หากมีการแตกกอมากก็แยกออกไปบ้าง  
สนประดับก็เป็นไม้พุ่มอีกประเภทหนึ่งที่ตัดแต่งควบคุมยาก อาจตัดแต่งกิ่งที่แห้งตายบ้างนอกนั้นก็ปล่อยให้โตตามธรรมชาติ แต่เนื่องจากเป็นไม้ที่โตช้า  จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องตัดแต่งมากนัก
​​​ติดตามบทความ / การอบรม เกี่ยวกับ ต้นไม้ใหญ่ในงานก่อสร้างและภูมิทัศน์ ได้ที่  ไลน์ @th-arbor ​หรือคลิกปุ่ม Add Friends ด้านล่าง
เพิ่มเพื่อน

​การจัดการปัญหาเกี่ยวกับวัชพืชน้ำ

การเจริญเติบโตอย่างเหลือเฟือ (blooms) ของสาหร่ายและพืชน้ำชั้นสูงเช่น บัว ในแหล่งน้ำก่อให้เกิดอุปสรรคในการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำนานัปการ เช่น 
  • ขวางกั้นการสัญจรทางน้ำและการใช้ประโยชน์ทางด้านการชลประทาน 
  • ลดปริมาณของน้ำในแหล่งน้ำโดยการเข้าไปแทนที่น้ำและเพิ่ม      การระเหยของน้ำทางใบ
  • ลดปริมาณก๊าซ O ในน้ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายแก่สัตว์น้ำถึงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางคืนและเมื่อเน่าเปื่อยสลายตัว
  • ทำให้แหล่งน้ำตื้นเขินเร็วขึ้น โดยการสกัดกั้นสิ่งแขวนลอยอยู่ในน้ำให้ตกตะกอนเร็วและมากขึ้นและเมื่อตายก็จะทับถมอยู่ในแ หล่งน้ำ
  • ขวางกั้นการเดินทางของแสงแดดที่ส่องทะลุสู่พื้นน้ำ เป็นเหตุให้   การเจริญเติบโตของแพลงค์ตอนพืชลดลงหรือหยุดชะงัก
  • ลดกำลังผลิตของแหล่งน้ำโดยแย่งใช้แร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของแพลงค์ตอนพืชและแพลงค์ตอนสัตว์
  • จำกัดเขตและการใช้เครื่องมือทำการประมงและเป็นที่หลบซ่อนของปลาทำให้ยากต่อการจับ ทั้งยังเป็นที่อาศัยของศัตรูปลาอีกด้วย
Comments
Powered by Create your own unique website with customizable templates.